1. การเตรียมพื้นผิวก่อนติดตั้ง
-
ทำความสะอาดพื้นให้ปราศจากฝุ่น น้ำมัน และสิ่งสกปรก
-
ซ่อมแซมรอยแตกร้าวและรอยขรุขระให้เรียบเนียน
-
ตรวจสอบระดับความชื้นของพื้นผิว หากมีความชื้นสูงควรใช้วัสดุป้องกันความชื้นก่อนการติดตั้ง
-
ใช้เครื่องขัดพื้นเพื่อเปิดผิวให้พื้น PU ยึดเกาะได้ดีขึ้น
2. การลงรองพื้น (Primer)
-
ใช้ไพรเมอร์เพื่อช่วยให้ PU ยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีขึ้น
-
ควรเลือกไพรเมอร์ให้เหมาะสมกับประเภทของพื้นเดิม เช่น คอนกรีต ไม้ หรือเซรามิก
-
ปล่อยให้ไพรเมอร์แห้งตามระยะเวลาที่กำหนด (ปกติ 4-8 ชั่วโมง)
3. การผสมและเท PU
-
ผสม PU Resin และ Hardener ตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
ใช้เกรียงหรือเครื่องมือเกลี่ยให้พื้นผิวเรียบสม่ำเสมอ
-
หากต้องการพื้นกันลื่น สามารถโรยทรายซิลิกาหรือใช้เทคนิคสร้างผิวหยาบระหว่างการติดตั้ง
-
ตรวจสอบระดับความหนาของพื้น PU ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น 3-5 มม. สำหรับพื้นทั่วไป และ 6-9 มม. สำหรับพื้นโรงงานหนัก
4. การปล่อยให้พื้น PU เซ็ตตัวและแห้ง
-
ควรปล่อยให้พื้นแห้งประมาณ 24-48 ชั่วโมงก่อนเริ่มใช้งาน
-
หลีกเลี่ยงการเดินบนพื้นหรือสัมผัสน้ำในช่วงที่พื้นยังไม่แห้งสนิท
-
หากต้องการความแข็งแรงสูงสุด ควรรอ 7 วันก่อนใช้งานหนัก
5. การตรวจสอบและทดสอบคุณภาพ
-
ตรวจสอบความเรียบของพื้นและการยึดเกาะของวัสดุ
-
ทดสอบความทนทานต่อสารเคมีและแรงกระแทก
-
ตรวจสอบการกันลื่นของพื้นผิว โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง
